กองทุนรวมมีหลายประเภท โดยแต่ละนโยบายของแต่ละประเภทก็มีความเสี่ยงแตกต่างกันไปแต่ละประเภทของกองทุนก็มีผลตอบรับที่แตกต่างกันไปแต่ละประเภทของกองทุนมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย 

1.กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund) 

คือกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในเงินฝากตราสารหนี้ต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่พร้อมรับความเสี่ยงเพราะมีความเสี่ยงน้อยและควรศึกษาว่ากองทุนที่ลงทุนเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางหรือไม่ เพราะควรลงทุนอย่างน้อย 1 ปี 

2.กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) 

เป็นการเน้นลงทุนในเงินฝาก เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด และมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนน้อยที่สุดเหมาะกับการเป็นที่พักเงินชั่วคราวมากกว่าลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน 

3. กองทุนรวมผสม (Mixed Fund) 

กองทุนนี้เน้นลงทุนในหลากหลายทรัพย์สิน ทั้งตราสารหนี้ หุ้น และทรัพย์สินอื่นๆ เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงในระดับความเสี่ยงปานกลางถึงสูง เหมาะสำหรับคนที่พร้อมรับความเสี่ยงได้หรือต้องการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ 

4. กองทุนรวมตราสารทุน หรือ กองทุนรวมหุ้น (Equity Fund) 

เป็นกองทุนที่มีนโยบายที่เน้นการลงทุน กองทุนหุ้นรวมมีความผันผวนสูงจึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มาก สามารถลงทุนระยะยาวได้และรับการขาดทุนระยะสั้นได้  

5. กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF) 

กองทุนนี้จะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาศรับผลตอบแทนที่เหนือกว่าการลงทุนในประเทศและยังช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน กองทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงถึงสูงมาก ทั้งยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินที่นักลงทุนต้องระวัง ก่อนการลงทุนควรศึกษานโยบายป้องกันความเสี่ยงของกองทุนด้วย 

6. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF) 

เป็นกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพเพื่อส่งเสริมการออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณและมีสิทธิลดหย่อนภาษีได้ เงื่อนไขการลงทุนคือลงทุนอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่องและต้องมีอายุครบ 55 ปีจึงจะสามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ 

7. กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF) 

เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมเพื่อระยะยาวที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี แต่ต้องมีการลงทุนตามเงื่อนไขของกรมสรรพากรและเมื่อซื้อแล้วต้องถือครบ 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ จึงจะสามารถไถ่ถอนได้ 

8. กองทุนรวมที่ลงทุนในทรัพย์สินทางเลือก (Alternative Investment) 

จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก มีหลายประเภทสินค้าให้เลือกลงทุน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์  อย่างน้ำมันดิบ และทองคำ ผู้ลงทุนควรมีความรู้ในทรพย์สินนั้นๆก่อน 

อย่างไรก็ตามการลงทุนในทรัพย์สินที่ให้ผลตอบแทน เราต้องมีความรู้เรื่องการลงทุนก่อนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนประเภทไหน กองทุนรวมที่สะดวกและง่ายมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด จะมีผลดีมากกว่า