ประกันบ้าน มักถูกเสนอเมื่อเราทำเรื่องขอสินเชื่อกับธนาคาร จึงทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วเราจำเป็นต้องทำประกันบ้านไหม ถ้าธนาคารเสนอมาเราสามารถปฏิเสธไม่ทำได้ไหม หรือถ้าเราทำประกันบ้านไปแล้ว ประกันจะให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง แล้วเราต้องจ่ายเบี้ยประกันเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ และเบี้ยประกันแพงหรือไม่ myFin จึงได้รวบรวมข้อมูลของประกันบ้าน มาให้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจและพิจารณาว่าการซื้อประกันบ้านจำเป็นไหม
ประกันภัยแบบมี 2 ประเภทคือ ประกันภัยพิบัติ และประกันภัยอัคคีภัย
ประกันภัยพิบัติ ให้ความคุ้มครองความเสียหายของตัวบ้าน หรือความเสียหายของทรัพย์สินที่เกิดจากเหตุภัยธรรมชาติ ได้แก่ น้ำท่วม แผ่นดินไหว รวมถึงภัยพิบัติอื่นๆ
การคุ้มครองครอบคลุมภัยพิบัติ
คุ้มครอง 3 ประเภท คือ ลมพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ซึ่งจะต้องตรงตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
- คณะรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติรุนแรง
- จำนวนค่าสินไหมทดแทนรวมมากกว่า 5 พันล้านบาทต่อหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน 60 วัน โดยมีผู้เรียกร้องตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป
- แผ่นดินไหวตั้งแต่ 7 ริกเตอร์ขึ้นไป
- ลมพายุมีความเร็วตั้งแต่ 120 กม./ชม. ขึ้นไป
ประกันอัคคีภัย ให้ความคุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยอันเนื่อง มาจากภัยที่ระบุไว้เท่านั้น
ผู้เอาประกันภัยจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีทรัพย์สินที่เอาประกันภัยได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ และอาจจะครอบคลุมสาเหตุอื่นๆ อีกตามแต่ที่จะกำหนดในกรมธรรม์ ซึ่งผู้ที่จะซื้อกรมธรรม์ประกันภัยอัคคีภัย จะต้องเป็นเจ้าของหรือผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างที่ทำประกันภัยเท่านั้น
ทรัพย์สินที่สามารถเอาประกันได้
- บ้านอยู่อาศัย
- อาคาร ร้านค้า สำนักงาน โรงแรม โรงเรียน โรงพยาบาล โรงงาน โกดัง ฯลฯ
- ทรัพย์สินภายในอาคาร เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องจักร สต็อกสินค้า ฯลฯ
การคุ้มครองอัคคีภัย
- ภัยจากไฟไหม้
- ภัยจากฟ้าผ่า
- ภัยจากการระเบิดของแก๊ส
- ภัยจากการเฉี่ยวหรือชนจากยานพาหนะของคนอื่น
- ภัยจากท่าอากาศยาน
- ภัยจากน้ำ เช่น ท่อประปาภายในรั่ว
ฉะนั้น ก่อนที่จะเลือกทำประกันควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เนื่องจากจำนวนปีที่คุ้มครอง สิ่งของต่างๆ ที่คุ้มครอง และเงื่อนไขให้เข้าใจดีเสียก่อน